อยากเป็นบล็อกเกอร์ สร้างรายได้จากอาชีพที่ชอบ ต้องเริ่มจากตรงไหน

เชื่อว่าเพื่อนๆคงเคยได้ยิน ได้รู้จักคำว่า บล็อกเกอร์ มาบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่ามันคืออะไร เค้าทำกันไปเพื่ออะไร งั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าบล็อกเกอร์ หรือ Blogger นั้น คืออะไรกันแน่ บล็อกเกอร์ คือ สื่อรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นจากคนธรรมดาเดินดิน ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองในการสร้างสรรค์ Content หรือเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ ออกมาสู่สาธารณะชน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทความ การทำวิดีโอ การถ่ายภาพ การวาดรูป และอื่นๆ ตามแต่จะสร้างสรรค์ เมื่อสร้างคอนเท้นท์แล้วก็ต้องเผยแพร่ ซึ่งก็จะมีช่องทางต่างๆ อย่างเช่น Facebook Fanpage, Youtube, Website, Instagram, Snapchat เป็นต้น

เมื่อเนื้อหาที่เราสร้างมีประโยชน์มีสาระกับผู้ชมก็จะทำให้เกิดกลุ่มผู้ติดตาม เกิดความไว้วางใจจากคนในกลุ่มเฉพาะนั้นๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้เค้าก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าของบล็อกบอกว่าดี ทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์กับแบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์เล็กๆ ที่ไม่ได้มีงบในการจ้างดารามาช่วยโปรโมท เค้าก็หันมาร่วมงานกับบล็อกเกอร์แทน นอกจากนี้แล้วกลุ่มแฟนคลับหรือผู้ติดตามนี้ก็จะพัฒนากลายมาเป็นฐานลูกค้าของบล็อกเกอร์ในอนาคตได้อีกด้วย

บล็อกเกอร์ ทำเงิน1

Blogger มีสายไหนบ้าง

ในหมู่บล็อกเกอร์เองก็ยังแบ่งเป็นประเภทต่างๆได้อีกหลายแบบ ตามความรู้เฉพาะทางและความชอบของบล็อกเกอร์แต่ละคน ซึ่งการจะปั้นตัวเองให้ดังได้ก็ต้องมีวิธีนำเสนอคอนเท้นท์ในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครและสามารถเข้าถึงกลุ่มทาร์เก็ทของเราเอง ประเภทของบล็อกเกอร์มีดังนี้

  • สายบิวตี้
  • สายไลฟ์สไตล์
  • สายกิน
  • สายเที่ยว
  • สายถ่ายภาพ
  • สายการเงิน การลงทุน
  • สายแม่และลูก
  • สายตลก
  • สายเทคโนโลยี
  • อื่นๆ

ประโยชน์ของการเป็น Blogger

  1. สร้างคุณค่าให้ตัวเอง
  2. สร้างรายได้
  3. ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆให้ชีวิต
  4. สามารถเลือกใช้ชีวิตตามที่ตัวเองอยากได้ได้
  5. ได้ให้คุณค่ากลับไปสู่สังคม
  6. เป็นที่รู้จักในกลุ่มเฉพาะทางของเรา

บล็อกเกอร์ หาเงิน

วิธีการเป็นบล็อกเกอร์

1.คิดคอนเซ็ปท์ หา Niche เฉพาะของตัวเอง

ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มจากเรื่องที่เราสนใจเป็นพิเศษ มีความชอบเป็นทุนเดิม อย่างเช่น ความสวยงาม การพาไปกิน พาไปเที่ยว แล้วก็ต้องบวกด้วยเรื่องเฉพาะตัวลงไปอีก อย่างเช่น เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ลุคคนอวบ บล็อกเกอร์สายกินที่เน้นแต่อาหารทะเลจากทั่วไทยและทั่วโลก บล็อกเกอร์สายเที่ยวที่เน้นแต่การปีนเขาโดยเฉพาะ เป็นต้น เพราะปัจจุบันบล็อกเกอร์เป็นอาชีพที่มีการแข่งขันที่สูงมากๆ ต้องหาความแตกต่างเฉพาะทางให้เจอถึงจะไปต่อได้

แต่ถ้าจะเน้นเรื่องรายได้เป็นหลัก ก็คงต้องบอกว่า สายการเงิน สายอสังหาริมทรัพย์ สายท่องเที่ยว สายบิวตี้ ความสวยงาม จะมีแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการโฆษณาผ่านบล็อกเกอร์มากกว่าประเภทอื่นๆ

2.สร้างบล็อกและช่องทางของตัวเอง

จะเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊ค เว็บบล็อก แชแนลยูทูป หรืออินสตาแกรมก็ได้ สำหรับคนที่อยากทำเป็นเว็บบล็อกแนะนำให้ทำด้วย WordPress ตามวิธีนี้เลย ทำตามได้ไม่ยาก เมื่อทำการติดตั้ง WordPress บนเว็บไซต์เราเรียบร้อยแล้วก็ลง Theme เพื่อให้เว็บมีหน้าตาที่น่าใช้งานและสามารถปรับแต่งได้มากขึ้น ถ้าเราเลือกวิธีที่ง่ายกว่าอย่างเช่น การเปิดแฟนเพจเฟซบุ๊ค ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดการใช้โซเชียลช่องทางไหนและชอบทำคอนเท้นท์สไตล์ไหน

3.กำหนดกลุ่ม Audience ให้ชัดเจน

เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับ ลักษณะรูปแบบของคอนเท้นท์ที่จะสื่อสารออกไป ภาษาที่ใช้ และวิธีการให้ข้อมูล อย่างเช่น สรรพนามที่ใช้แทนตัวเอง จะทำให้เหมือนคุยกับเพื่อน คุยกับน้องๆ หรือคุยกับผู้ปกครอง มันก็จะให้อารมณ์ร่วมที่ต่างกันแล้ว อย่างที่เราเขียนในบล็อกนี้จะเน้นไปในแนวพูดคุยกันกับเพื่อนมากกว่า ภาษาก็จะไม่ทางการมาก มีการเล่าเรื่องตัวเองบ้างสลับกันไปให้ไม่น่าเบื่อ

4.มีข้อมูลในเชิงลึก

เนื้อหาที่เรากำลังจะทำต้องมีเรื่องให้พูดถึงเยอะๆ เพราะเราต้องผลิตคอนเท้นท์ออกมาเรื่อยๆ จนกว่าคนจะรู้จักเรา แนะนำว่าเมื่อเราได้ Niche มาแล้วก็เอามาลองลิสต์หัวข้อที่เราอยากจะนำเสนอว่าสามารถจะทำได้เยอะมั้ย สามารถต่อยอดไปแบบไหนได้บ้าง หัวข้อตามคำถามประเภท What, Where, Why, How ก็ต้องมีให้ครบ ที่สำคัญคือต้องให้ข้อมูลแบบละเอียดได้ แบบที่คนตามจะรู้สึกได้ว่าเนื้อหาของเรามีประโยชน์จริงๆ และต้องมีวิธีการนำเสนอที่สร้างสรรค์ด้วย

5.มีความสร้างสรรค์ ไม่เลียนแบบใคร

บล็อกเกอร์ที่ดีต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่พยายามเป็นใคร จะทำให้เรานั้นมีเสน่ห์ คนสามารถจำได้ อาจจะเป็นคาแรคเตอร์ในการเขียน การทิ้งท้ายแคปชั่น สไตล์การถ่ายรูป วิธีการทำอาร์ทเวิร์ค ที่ดีที่สุดก็คือการขายตัวเราให้เป็น มีจุดยืนของตัวเอง

6.มีความสม่ำเสมอ

ถ้าเน้นทำคอนเท้นท์บนเฟซบุ๊ค ก็ต้องอัพโพสต์อย่างน้อยวันละหนึ่งโพสต์ ถ้าทำคอนเท้นท์บนเว็บไซต์อย่างน้อยๆต้องไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละครั้ง ถ้าไม่มีเวลาจริงก็อย่างน้อยเดือนละครั้ง ยิ่งมีความถี่เยอะ คอนเท้นท์เราก็จะเยอะตามไปด้วย ซึ่งก็มีผลกับเปอร์เซ็นต์ในการที่จะมีคอนเท้นท์ที่โดนใจท่านผู้ชมทั้งหลาย

7.เลือกสร้างคอนเท้นท์บนช่องทางหลัก 1 ช่องทาง

ทำให้มันสตรองก่อน อย่างเช่นว่า จะเลือกเน้นทำเว็บบล็อก เน้นทำเฟซบุ๊ค หรือเน้นยูทูป เพราะแต่ละแพลทฟอร์มก็จะมีพฤติกรรมคนดูที่แตกต่างกัน เว็บบล็อกก็ต้องเน้นที่เนื้อหาเชิงลึก เขียนให้ได้ 300 คำขึ้นไป ส่วนเฟซบุ๊คก็ต้องเน้นแบบภาพสวย ข้อมูลสั้นๆเข้าใจง่าย เพราะคนจะชอบเลื่อนผ่านไปแบบเร็วๆ ปั้นสักช่องทางให้มีคุณภาพ มีจำนวนคอนเท้นท์ที่มากพอ มีคนติดตาม พอคอนเท้นท์เราเริ่มแน่น ก็ค่อยแบ่งเวลาไปสร้างฐานแฟนคลับบนช่องทางอื่นๆ จะช่วยให้งานเรามีแบบแผนและเติบโตได้เร็วขึ้น อย่าง Plaradise เอง เราเน้นไปที่การทำ SEO บนเว็บไซต์ ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาอ่านเกือบ 6,000 วิวต่อเดือน

Blogger หารายได้

บล็อกเกอร์ ทำเงิน ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

1.Sponsor

พอเราปั้นบล็อกหรือเพจจนดังประมาณนึงแล้ว มีตัวเลขผู้ตามและยอดไลค์ที่มากพอ ก็จะมีการติดต่อเข้ามาจากทั้งแบรนด์และเอเจนซี่ ให้เราทำคอนเท้นท์โฆษณาสินค้าของพวกเค้าในสไตล์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบล็อก ทำวิดีโอ หรือจะทำเป็นอัลบั้มภาพก็ได้ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างบล็อกเกอร์และแบรนด์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อได้รับงานมาก็ควรถ่ายทอดเรื่องราวให้อิงกับความจริง ไม่อวยจนเกินไป จริงใจกับแฟนคลับของเราให้มากที่สุด เพราะคนดูเค้าสัมผัสได้ว่าโพสไหนจริงใจ โพสไหนขายของ วิธีการจะได้มาของสปอนเซอร์นั้น มีสองวิธีคือ
  1. เค้าติดต่อมาเอง ในกรณีที่บล็อกของเราดังมากๆ มีคนติดตามเยอะ คอนเท้นท์มีคนชอบเยอะ สปอนเซอร์จะเข้ามาหาเราเอง วิธีนี้ไม่เหนื่อยเท่าไหร่
  2. เราต้องเป็นคนหาสปอนเซอร์เอง อย่างแรกก็ต้องคิดว่าบล็อกของเรานั้นมีจุดประสงค์อะไร คนที่ตามเราคือใคร แล้วมันสามารถโยงไปยังแบรนด์สินค้าไหนได้บ้าง ถ้าเน้นเรื่องเที่ยว สปอนเซอร์ก็จะเป็นแบรนด์ที่พัก โรงแรม สายการบิน ที่ยากกว่านั้นคือ เราต้องพยายามหาคอนเน็กชั่นที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ให้ได้ จากทั้งคนรู้จัก เสิร์ชกูเกิล Linkedin และอื่นๆ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย

2.Advertorial

การเอาสินค้าจากแบรนด์มาเขียน Tie in ในโพสของเรา วิธีการคือทำยังงัยก็ได้ให้เนียนที่สุด หาหัวข้อตามแนวทางเนื้อหาของเราที่เกี่ยวโยงกับตัวสินค้าให้ได้แล้วนำมาเขียน จากนั้นตอนท้ายของบทความก็ใส่ลิ้งค์โยงไปหาแบรนด์ที่เค้ามาให้เราทำ Advertorial

3.Affiliate

คือ การทำคอนเท้นท์ให้เกี่ยวข้องกับสินค้าใดสินค้าหนึ่ง แล้วก็เอาลิ้งค์การซื้อสินค้านั้นๆ มาวางที่ท้ายบทความหรือ วางบน Description ในส่วนของคลิปวิดีโอในยูทูป เมื่อมีคนสนใจกดซื้อสินค้าผ่านลิ้งค์ของเรา เราก็จะได้เงิน วิธีนี้ต้องศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ Customer Journey เข้ามาด้วย เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคนจะไม่ซื้อจากคอนเท้นท์เพียงอันเดียว แต่จะมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อน เปรียบเทียบราคา และคอนเท้นท์ที่ปิดการขายด้วยการแถมส่วนลด คนถึงจะสามารถตัดสินใจคลิกผ่านลิงค์เพื่อซื้อสินค้าได้มากขึ้น

ปัจจุบันมีเว็บที่รวบรวมแบรนด์ที่ให้เราทำ Affiliate Marketing หลายเจ้า อย่างเช่น

accesstrade.in.th เว็บไซต์นี้จะเป็นแบรนด์สินค้าและบริการที่มีในเมืองไทยทั้งหมด ทำให้เราสามารถเขียนอธิบายเรื่องราวของตัวสินค้าได้ละเอียดมากขึ้น และมีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยตอบคำถามหากว่าเราติดปัญหา ส่วนวิธีการใช้ก็ง่ายมาก เพียงแค่เราเอาชื่อเว็บไซต์ของเราไปสมัครจากนั้นก็รอการอนุมัติจากทางเว็บ เท่านี้ก็เรียบร้อย

https://involve.asia/ เป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่ให้บริการ Affiliate Marketing มีแบรนด์ที่ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์อยู่มากมายเช่นกัน วิธีใช้ก็เหมือนกันกับ Accesstrade เลย ต่างกันเรื่องค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย

อยากรู้วิธีหาเงินด้วย Affiliate Marketing อย่างละเอียด ตามมาทางนี้เลยจ้า

4.ติดแบนเนอร์

ในกรณีที่เรามีเว็บบล็อก เราสามารถให้เช่าพื้นที่ในการแปะแบนเนอร์ของแบรนด์ต่างๆได้ เรทราคาก็ขึ้นอยู่กับจำนวนทราฟฟิคของเว็บไซต์เรา ว่ามียอดคนเข้ามาต่อเดือนเท่าไหร่ ยิ่งทราฟฟิคเยอะ มูลค่าของพื้นที่ให้แปะแบนเนอร์ก็จะยิ่งแพงขึ้นตาม อีกวิธีที่เป็นการสร้างรายได้ทางอ้อมคือ การที่เราเอาแบนเนอร์จากเว็บไซต์ของเพื่อนเราหรือคนรู้จักที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันมาแปะไว้ที่เว็บของเรา แล้วเราก็เอาแบนเนอร์เว็บของเราไปแปะเว็บเค้า ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และช่วยเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือให้ตัวเว็บด้วย

4.ขายเซอร์วิส

เริ่มจากการสร้างบล็อกขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ในสายที่ตัวเองถนัด เมื่อคอนเท้นท์เราดีและให้ข้อมูลลึกก็ทำให้มีคนติดตามเพิ่มขึ้น และมีคนชื่นชอบในผลงานที่เราทำ จากนั้นเค้าก็อาจจะอยากติดต่อให้เราช่วยทำงานให้ อย่างเช่น การรับเขียนงานรีวิว งานรับจ้างถ่ายภาพ งานรับตัดต่อวิดีโอ งานรับทำเว็บไซต์ งานสอนทำเว็บ เป็นต้น

5.ขายสินค้าตัวเอง

จริงๆแล้วการสร้างบล็อกก็ถือเป็นการทำมาร์เก็ตติ้งอย่างหนึ่ง ซึ่งเราสามารถใช้โปรโมทตัวเองได้ ใช้สร้างฐานลูกค้าของตัวเองและช่วยโปรโมทงานของเรา เมื่อเราทำคอนเท้นท์ไปสักพักเราจะเริ่มรู้แล้วว่ากลุ่มลูกเพจ และผู้อ่าน ผู้ฟังของเราชอบคอนเท้นท์แบบไหน และเค้ามีปัญหาอะไรกันบ้าง เราก็สร้างสินค้าของตัวเองออกมาขายได้เลย อย่างเช่น เพจลงทุนแมน ที่เค้ามีเพจและบล็อกที่เน้นการอัพเดทข่าวสารเรื่องการเงิน และการลงทุน อยู่อย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นเค้าก็ทำหนังสือรวบรวมคอนเท้นท์ที่เคยโพสไว้บนช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บบล็อก แฟนเพจ ออกมา แล้วหนังสือเค้าก็ติดอันดับหนังสือขายดีบนร้านค้าต่างๆด้วยนะ

บล็อกเกอร์ รายได้ดี

ข้อเสียของการเป็น Blogger

  1. โดยส่วนใหญ่แล้วใช้เวลานานมากกว่าจะได้เงิน อย่างต่ำก็ 6 เดือนขึ้นไป หรืออาจจะไม่ได้เงินเลย ขึ้นอยู่กับความขยัน ความใส่ใจ และความถี่ในการสร้างคอนเท้นต์ของแต่ละคน
  2. ต้องออกไปเก็บข้อมูล สร้างคอนเท้นท์ตลอดเวลา บางครั้งอาจทำให้เกิดความเครียด จากที่เคยได้ทำในสิ่งที่รัก แล้วมาวันหนึ่งก็กลายเป็นเกลียดมันขึ้นมาแทน
  3. ไม่มีคนมาคอยสอนว่าต้องทำแบบไหน อย่างไรถึงจะดีที่สุด ไม่มีแบบแผน ต้องลุยด้วยตัวเอง
  4. ถ้าพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ เช่น การเกิดกรณีดราม่าในรูปแบบต่างๆ ก็อาจจะทำให้จบการเป็นบล็อกเกอร์ไปเลย
  5. คู่แข่งเยอะมาก ถ้าบล็อกของเราไม่แตกต่างจากบล็อกทั่วๆไป คนก็จะไม่ให้ความสนใจเลย
  6. อาชีพดูเหมือนน่าสนุก แต่ความจริงอาจไม่สนุกอย่างที่คิด เพราะต้องใช้เวลาเยอะมากๆในการแต่งรูป เขียนคอนเท้นท์ ตัดต่อวิดีโอ เพื่อสร้างผลงานให้ออกมาดีที่สุด บางครั้งอาจต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์เพื่อคอนเท้นท์เพียงอันเดียว ถ้าไม่รักจริงๆคงทำไม่ได้

“ได้อะไรบ้างจากการเป็นบล็อกเกอร์?” (ความคิดเห็นจากบล็อกเกอร์)

เพจ โสดแล้วไปไหนก็ได้

เพจท่องเที่ยวตามประสาคนโสด เน้นทำเพจบนเฟซบุ๊ค เจ้าของเพจ ลินดี้

ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสทำงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เราก็ได้แวะเที่ยวไปด้วย เลยมีสต็อกรูปภาพและเนื้อหาอยู่ค่อนข้างเยอะ จนมันยิ่งจุดประกายให้เรามีความฝันว่าอยากเดินทางรอบโลก แล้วก็อยากเอาประสบการณ์สนุกๆเหล่านี้มาแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ เราเริ่มจากเอาทริปตุรกีที่เราประทับใจมากๆมาแชร์ลงบนพันทิป ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก มีคนแชร์ไปเป็นหมื่น ทั้งๆที่เราเขียนได้ธรรมดามาก ก็เลยคิดว่าต้องเปิดเพจจริงจังแล้ว ประกอบกับช่วงนั้นเลิกกับแฟนมาได้ 7 เดือนก็เลยตั้งชื่อเพจว่า โสดแล้วไปไหนก็ได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เปิดเพจมาได้ 2 ปีแล้ว มีคนตาม 2 แสนสี่หมื่นกว่าคน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนโสดทั้งหลายทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นสัดส่วนเท่าๆกัน คนที่เข้ามาส่วนใหญ่เพราะชอบในตัวคอนเท้นท์ที่เราทำ เพราะเราให้ข้อมูลแบบละเอียดมากๆ

ถ้าพูดถึงเรื่องรายได้ มีสปอนเซอร์ติดต่อเข้ามาเยอะ ทำรายได้พอสมควร แต่มันไม่แน่นอน ช่วงไหนที่เราทำคอนเท้นท์ถี่ๆหน่อย สปอนเซอร์ก็ยิ่งเข้ามามากกว่าเดิม แต่ช่วงนี้เรามีงานหลักที่ต้องทำเยอะเลยรับสปอนเซอร์เท่าที่ทำไหว บางงานเราทำแบบไม่ได้เงินก็มี แต่เราได้ช่วยให้บริษัทของเค้ามีรายได้เข้ามาได้ เราก็ดีใจมากที่ได้ช่วยเค้าและคนที่ติดตามเราก็ชอบคอนเท้นท์นั้น เพจเราก็ยิ่งโตขึ้นไปอีก

อนาคตถ้าเป็นไปได้เราก็อยากมีทีมงาน ทำจริงจังเป็นงานหลักไปเลย เพิ่มช่องทางอื่นๆด้วย อย่างเช่น เว็บไซต์ ตอนนี้เรามีแค่เฟซบุ๊คอย่างเดียวซึ่งมันไม่พอ เราอยากให้มันเติบโตเป็น community ที่ช่วยคนโสดได้จริงๆ แต่ตอนนี้เรายังไม่พร้อม รู้สึกว่ายังต้องเรียนรู้อีกเยอะจากเอเจนซี่ที่เราทำงานอยู่ด้วย

สิ่งที่ได้จากการทำเพจ เรามี comunity คนโสด มีแฟนคลับที่รักและชอบงานของเราจริงๆ บางคนก็เข้ามาทักเข้ามาปรึกษาว่าเพิ่งอกหักมา อยากขอคำแนะนำ บางคนก็สอบถามให้เราช่วยวางแผนเที่ยว เราก็ยินดีช่วย เราเคยจัดทริปคนโสด เพราะคนโสดมันเหงาจริงๆ ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยทำทริปให้ไปเที่ยวกันเองดีกว่า จัดมา 5 ครั้งแล้ว ที่ประทับใจคือ ตอนที่เราจัดทริปคนโสด ก็มีคนที่ไปร่วมงานเค้าได้เป็นแฟนกันจริงๆ เราดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วมทำให้เค้ารักกันได้

นอกจากนี้แล้วการเป็นบล็อกเกอร์ มีเพจเป็นของตัวเองยังช่วยให้เรามีมุมอื่นๆที่น่าสนใจในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย อย่างตอนนี้ก็ได้มาทำงานในตำแหน่ง Influencer Relation ที่ช่วยดูแลบล็อกเกอร์เพราะเราเข้าใจว่าบล็อกเกอร์เค้าต้องการอะไร

อยากฝากไว้ว่า คอนเท้นท์ ถ้าจะทำแล้วมันจะต้องสร้างสรรค์และต้องดีจริงๆ เป็นประโยชน์กับคนอ่านให้ได้มากที่สุด คนดูเค้าก็จะมาติดตามเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเอง ส่วนคนที่อยากจะมาเป็นบล็อกเกอร์ก็อยากให้ขยันทำคอนเท้นท์ดีๆออกมาเยอะๆ พยายามดันตัวเองให้ไปอยู่อีกระดับให้ได้ เพราะมันสามารถทำเป็นอาชีพได้จริงๆ ไม่อยากให้ท้อแล้วก็เลิกทำกันไปเสียก่อน

เพจ Miudastyle

บิวตี้บล็อกเกอร์สไตล์ญี่ปุ่น เน้นทำคลิปบนยูทูป เจ้าของเพจ หมิว

อยากเป็นบล็อกเกอร์เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากการดูบิวตี้บล็อกคนดังอย่าง Michelle Phan พอดูไปเรื่อยๆแล้วก็รู้สึกเพลินมาก และช่วยคลายเหงาตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นได้เยอะ จากนั้นมาเลยคิดว่า ถ้าเราทำบ้างจะเป็นยังไงนะ พออายุจะเข้าสามสิบก็ตัดสินใจรีบทำมันซะเลย ก่อนที่จะสายเกินไป พอมาเริ่มทำจริงจัง อัพคลิปเรื่อยๆ ก็มีสปอนเซอร์เข้ามาบ้าง มีรายได้เป็นค่าขนมพอประมาณ ตอนนี้เราคิดราคาที่คลิปละ 10,000 บาท ช่วงนี้ก็เริ่มมีคนติดตามเยอะขึ้น ช่วยเป็นกำลังใจให้ทำคลิปต่อๆไปได้

คอนเท้นท์หลักที่ทำก็จะเป็นแนวให้ประโยชน์กับคนดู เช่น แต่งตัวยังไงให้ดูผอม สกินแคร์หน้าเด็ก เป็นต้น เพราะถ้าเราทำแต่แบบที่มีสปอนเซอร์ล้วนๆ มันทำให้เรารู้สึกไม่จริงใจกับตัวเองแล้วก็ไม่จริงใจกับคนดูด้วย ซึ่งพอเราทำแบบที่เป็นคอนเท้นท์ให้ประโยชน์กับคนดูจริงๆ สลับกับคอนเท้นท์ที่มีสปอนเซอร์บ้างก็สัมผัสได้ว่าคุณค่ามันต่างกัน
สิ่งที่หวังไว้คืออยากจะเป็นบล็อกเกอร์ที่มีคนติดตามเยอะขึ้น ได้ทำงานเสริมนี้ให้เป็นอาชีพหลักที่เลี้ยงตัวเองได้จริงๆ

เพจ DayinUS

เว็บบล็อกแชร์เรื่องราวในอเมริกา เน้นทำบทความบนเว็บไซต์ เจ้าของเพจ ปลา

เราเคยไปใช้ชีวิตในอเมริกามาประมาณปีครึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตได้สุดมากๆ ได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอ มีความสุขมากที่ทุกวันที่ตื่นมาเหมือนได้ออกไปเที่ยว ได้เจอเหตุการณ์พีคๆที่ชอบมาวัดใจเราอยู่เสมอ เรารู้สึกว่าประสบการณ์ของเรามันน่าสนใจมากจนอยากจะเอามาแบ่งปันให้คนอื่นๆรับรู้ด้วย ก็เลยบันทึกเป็นไดอะรี่ แล้วก็ถ่ายรูปไว้ตลอดเวลา พอกลับมาอยู่เมืองไทยได้สักพัก เราก็เกิดอาการ Reverse Culture Shock ขึ้นมา เราเศร้ามากๆที่ชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ ก็เลยตั้งใจทำเว็บบล็อกเอาไว้เก็บข้อมูลของเราเอง

ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำอีบุ๊คขาย และทำบล็อกเอาไว้หาลูกค้าออนไลน์ ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าเราเขียนหนังสือไม่เสร็จสักที แล้วการเขียนบล็อกให้จบทีละตอนมันง่ายกว่า ก็เลยเน้นไปที่การทำบล็อกตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ตอนนี้ก็ครบปีพอดี บล็อกของเราไม่ได้ดังหรือเป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ แต่ก็มีคนเข้ามาอ่านบล็อกของเราเรื่อยๆ ประมาณ 4,200 วิวต่อเดือน แล้วที่ทำไปก็ไม่ได้สร้างรายได้ให้เราแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือมันสร้างคุณค่าให้กับตัวเราเอง เป็นพื้นที่เยียวยาจิตใจในช่วงที่เรารู้สึกเศร้ากับชีวิตมากๆ เราทำเพราะรัก ทำเพราะชอบมันจริงๆ ซึ่งผลพลอยได้อีกทางคือเราได้เปลี่ยนสายงานจากดีไซน์เนอร์ธรรมดา มารับออกแบบและทำเว็บไซต์ด้วย บล็อกนี้เหมือนเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆให้ชีวิตเราเลย

สิ่งที่หวังไว้ก็อยากให้ตัวเว็บบล็อกมียอดวิวหลักหมื่นต่อเดือน เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ให้กับคนที่อยากไปท่องเที่ยวและใช้ชีวิตในอเมริกา มีพาร์ทเนอร์มาช่วยเราทำคอนเท้นท์ และสามารถสร้างรายได้ประมาณหนึ่ง ไม่ต้องมากมายเพื่อเป็นกำลังใจให้เราทำงานต่อไปได้

ต้องทำอย่างไรถึงจะ Survive ในสมรภูมิบล็อกเกอร์

  •  ตามเทคโนโลยีให้ทัน ต้องคอยอัพเดทเทรนด์ หมั่นเติมความรู้อยู่ตลอดเวลา
  • ใช้สื่อหลายช่องทาง ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูป อินสตาแกรม และตั้งใจทำอย่างเต็มที่
  • หาเพื่อนหรือคอนเน็คชั่นสายงานบล็อกเกอร์เยอะๆ แล้วพอมีอะไรก็คอยช่วยเหลือ แบ่งปันกัน เพื่อให้งานสายนี้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
  • หาความรู้จากการดูงานของต่างประเทศบ้าง เปิดหูเปิดตา ทำให้เราเห็นอะไรที่กว้างขึ้น และนำมาพัฒนางานของเราให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้

สรุป

การจะเป็นบล็อกเกอร์ให้เป็นอาชีพนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ และก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเองว่าอยากได้ชีวิตแบบไหน บล็อกเกอร์บางคนก็มีความสุขกับการทำงานประจำไปด้วย เป็นบล็อกเกอร์ไปด้วย เพราะงานที่ทำอยู่มีรายได้ที่มั่นคงและไม่ต้องบังคับตัวเองจนเกินไปในการหารายได้จากการเป็นบล็อกเกอร์ ส่วนบางคนก็สามารถปั้นตัวเองจนเป็นบล็อกเกอร์มืออาชีพ หารายได้ได้มากกว่าเงินเดือนเลยหันมาทำเต็มตัวเลยก็มีไม่น้อย

ถ้าเราสนใจอยากจะเป็นบล็อกเกอร์ก็ต้องลองวิเคราะห์ตัวเองว่า ชีวิตแบบไหนที่เราจะแฮปปี้กับมันมากกว่า ถ้าอยากเน้นเป็นบล็อกเกอร์ฟูลไทม์ เราก็ต้องพยายามอย่างหนักในการผลิตคอนเท้นท์ดีๆแล้วเผยแพร่สู่สาธารณะชน เน้นทำเป็นงานหลักให้เหมือนงานประจำ ส่วนใครที่พอใจกับการทำเป็นงานอดิเรกก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่แพ้กัน อย่างน้อยๆก็ช่วยให้เรามีผลงานในด้านอื่นๆบ้าง และช่วยเสริมสร้างสกิลการใช้งานเทคโนโลยีให้ตัวเองเก่งขึ้น และยังสามารถเพิ่มโอกาสให้กับอนาคตเราได้อีกด้วย ก็อยู่ที่เราแล้วล่ะ ว่าจะเลือกแบบไหน เหนือสิ่งอื่นใด ขอให้เริ่มลงมือทำซะตั้งแต่วันนี้เลยไม่ต้องลังเล

ปล.การเป็นบล็อกเกอร์นอกจากการคิดถึงรายได้ที่จะเกิดขึ้นแล้ว อีกมุมหนึ่งตามความคิดของเรา คือ มันช่วยสร้างการเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับสังคมได้ด้วยนะ และสามารถทำได้ด้วยตัวเราเพียงคนเดียว ไม่ต้องรอพึ่งรัฐบาล ไม่ต้องโทษระบบ โทษประเทศ อย่างเช่น เราอาจจะเป็นคนที่รักสิ่งแวดล้อมมากๆ อยากลดขยะ อยากให้โลกสวยงามไปนานๆ เราก็เปิดเพจ ทำบล็อก แชร์แนวคิดในทางสร้างสรรค์ที่เราได้ลงมือทำแล้วมันได้ผลจริงๆ ออกมาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทำตาม เท่านี้ก็เรียกว่าได้ประโยชน์แล้ว และยังทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่าในแง่ของการรักษ์โลกด้วย นอกจากแง่ในการหาเงินเลี้ยงชีพ เมื่อถึงวันที่เราต้องจากโลกนี้ไป อย่างน้อยๆก็ยังมีสิ่งที่เราได้ทำเพื่อโลก เพื่อส่วนรวมบ้าง

สนใจอยากเป็นบล็อกเกอร์ สร้างเว็บไซต์ให้ตัวเอง ตามมาที่นี่เลยจ้า

 

ติดตามข่าวสารกิจกรรมดีๆที่จัดขึ้นเพื่อชาวบล็อกเกอร์โดยเฉพาะได้ที่นี่เลย